วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Week 2 : เรื่องที่นักเรียนสนใจ

                 SMART-I คือการสอบวัดผลเพื่อเข้าศึกษาต่อที่คณะบัญชี-บริหาร ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์หรือที่เราเรียกกันสั้นๆว่า มธ. นั่นเอง โดยการสอบ SMART-I เป็นการสอบตรงที่แตกต่างจากหลายที่อยู่พอสมควรเพราะว่า SMART-I สามารถสอบได้ 7-9 รอบต่อปีเลย และคะแนนยังมีอายุถึง 2 ปีนับจากวันสอบ ซึ่งทำให้เราสามารถเริ่มสอบเก็บคะแนนไว้ตั้งแต่ ม.5 แล้วนำมาใช้ยื่นตอน ม.6 ก็ได้ถ้าคะแนนดีพอ โดยการจัดสอบจะมีทุกเดือนตั้งแต่ มีนาคม-พฤศจิกายน ยกเว้นตุลาคมแต่การยื่นของภาคไทยจะอยู่ที่เดือนกันยายนทำให้รอบเดือนพฤศจิกายนไม่สามารถนำมาใช้ได้แต่ก็ยังสามารถนำคะแนนของรอบพฤศจิกายนมายื่นของภาคอินเตอร์หรือ BBA ได้
      ตัวข้อสอบจะแบ่งออกเป็น 4 วิชา คือ คณิตศาสตร์ การอ่าน ภาษาอังกฤษ และความรู้รอบตัว โดยที่แต่ละส่วนจะเต็ม 100 คะแนนแต่ว่าเมื่อนำไปคิดเป็นคะแนนโดยรวมแล้วแต่ละส่วนจะมีน้ำหนักไม่เท่ากัน โดยข้อสอบแต่ละส่วนจะมีน้ำหนักคะแนนและเนื้อหาข้อสอบดังนี้

1.คณิตศาสตร์

          วิชาคณิตศาสตร์ของ SMART-I ถือว่าไม่ยากเท่าไหร่ ถ้าเทียบกับข้อสอบรับตรงคณิตศาสตร์ทั่วไป โดยเนื้อหาของ SMART-I ส่วนนี้จะเป็นเนื้อหาคณิตของ ม.3 ผสมกับ ม.5 เอามาประยุกต์ให้ซับซ้อนแล้วหลอกให้เรางง เนื้อหาโดยรวมจะเป็น การตั้งสมการ สถิติ ความน่าจะเป็น อนุกรม พื้นที่ การคิดคะแนน และปัญหาเชาว์ เป็นหลัก โดยมีจำนวนอยู่ที่ 30ข้อ : 1ชั่วโมง

2.การอ่าน

          เป็นวิชาที่ง่ายมากของ SMART-I ง่ายจนเรียกได้ว่าเหมือนแจกคะแนนให้คนทำฟรี ดังนั้นน้องๆส่วนใหญ่มักจะได้คะแนน 70+ กันเกือบทั้งหมด แต่ในช่วงหลังที่มีการปรับน้ำหนักคะแนนของวิชานี้ทำให้ความยากเพิ่มขึ้นมาจนไม่ถูกเรียกว่าเป็นวิชาแจกแต้ม โดยเนื้อหาจะไม่มีอะไรมาก มีข้อสอบจำนวน 30 ข้อ โดยจะมีข้อสอบแบบบทความมาให้ประมาณ 3 บทความโดยอาจจะเป็นบทความเรื่องการแพทย์ เศรษฐกิจ หรือความรู้รอบตัวก็แล้วแต่รอบ ซึ่งแต่ละบทความจะมีข้อสอบ 7-9 ข้อผสมกับข้อสอบอ่านแบบไม่ใช่เนื้อเรื่องยาวอีก 5-6ข้อ

3.ภาษาอังกฤษ

           ภาษาอังกฤษวิชาที่เรียกได้ว่าโหดหินสุดๆของการสอบ SMART-I โดยจะแบ่งเนื้อหาออกเป็น 5 ส่วนคือ
    1.Passage : คือข้อสอบการอ่านนั่นเอง จะมีบทความมาให้ครับแต่เป็นภาษาอังกฤษ เราก็แค่อ่านแล้วตอบคำถามไปคำถามไม่ค่อยมีหลอกซับซ้อน แต่คำศัพท์จะยากดังนั้นอ่านออกก็จะทำ Part นี้ได้ง่ายครับ
    2.Error : สำหรับ Part นี้จะเป็นการวัดทักษะการเขียน โดยตัวข้อสอบจะมีมาให้ 5 ข้อ แต่ละข้อจะขีดเส้นใต้ไว้ 5 จุดโดยเราต้องเลือกว่าจุดไหนไม่ถูกต้องถึงจะได้คะแนนไป ถ้า Grammar แข็งแรงก็จะผ่าน Part นี้ได้
    3.Complete Sentence : Part นี้เรียกง่ายๆก็คือ เติมคำลงในช่องว่างให้ถูก โดยจะเป็นการวัด Grammar โดยจะมีทั้งแบบเติมแกรมม่าให้ถูกและเติมคำเชื่อมประโยคเช่น Although, Despite ให้เข้ากับความหมายของประโยคนั้นๆ
   4.Vocabulary : คำศัพท์นั่นเอง จะมีช่องว่างให้เติมคำ เพียงแค่เลือกศัพท์ที่เหมาะสมกับประโยค เติมไปแล้วได้ความหมายที่สมบูรณ์เข้ากันได้ถูกต้อง
   5.Synnonym : สำหรับ Part นี้จะมีคำศัพท์ที่ขีดเส้นใต้ แล้วให้เราเลือกว่าข้อไหนที่มีความหมายเดียวกันกับคำศัพท์ที่ขีดเส้นใต้ ถ้าจำศัพท์ได้เยอะๆก็ผ่านไปได้

4.ความรู้รอบตัว

   Part นี้น้ำหนักน้อย คะแนนที่ได้จะไม่เกี่ยวกันมาก ชื่อก็บอกแล้วว่าความรู้รอบตัวดังนั้นเนื้อหาจะเป็นเนื้อหาจากทั่วโลก แต่ Part นี้ก็มักจะนำข่าวดังในก่อนเดือนสอบมาออกช่วย ถ้าตัวติดตามข่าวสารอยู่บ่อยๆจะสามารถทำคะแนนได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น